เมื่อคณะนิติราษฎร์ออกแถลงการณ์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีนิติราษฎร์ที่สอดคล้องกับวันครบรอบ 5 ปีแห่งการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 อันประกอบด้วย 4 ประเด็นหลัก คือ
(1) การลบล้างผลพวงของรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
(2) การแก้ไชเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
(3) กระบวนการยุติธรรมกับผู้ต้องหาหรือจำเลย และการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายภายหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
และ (4) การยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ปรากฎว่า…ได้ส่งผลสะเทือนอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นการพลิกหลักคิดทางกฎหมายของไทยครั้งสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากล
แทนหลักคิดคร่ำครึแบบเก่าที่ว่า…
เมื่อคณะรัฐประหารยึดอำนาจรัฐสำเร็จย่อมเป็น “รัฐถาธิปัตย์” แบบเดียวกับอำนาจของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ไปเป็นหลักคิดที่ว่า…
คณะรัฐประหารที่ฉีกรัฐธรรมนูญเป็นผู้ที่ทำผิดกฎหมาย จะต้องถูกลงโทษและผลพวงทั้งหมดที่กระทำและเกิดตามมาจะต้องเป็นการสูญเปล่า
อันเป็นหลักคิดแบบเดียวกับการลบล้างคำสั่งศาลนาซีหลังสงครามโลกครั้งที่สอ งและหลักคิดทางกฎหมายของฝรั่งเศส ตุรกีและประเทศอื่นๆ
ในขณะที่ได้รับการต้อนรับและสนับสนุนอย่างกว้างขวาง ก็มีเสียงตอบกลับด้วยความโกรธเกรี้ยวจากบางฝ่าย รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกที่บอกว่า…
ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์จะทำให้เกิดความแตกแยก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แห่งพรรคประชาธิปัตย์ก็กล่าวหาว่า…
มันเป็นข้อเสนอเพื่อช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้รับการนิรโทษกรรมและเห็นว่า คณะนิติราษฎร์ควรลาออกจากการเป็นนักวิชาการไปเป็นนักการเมือง
มีคนเปรียบเทียบว่า…ปฏิกิริยาดังกล่าว เป็นอาการเต้นเร่าๆ แบบเดียวกับแผลสดถูกราดด้วยน้ำเกลือ
คณะนิติราษฎร์ได้ตอบกลับผู้บัญชาการทหารบกว่า…ข้อเสนอของพวกตนเป็นการเคลื่อนไหวทางความคิดตามแนวทางประชาธิปไตย
เพราะทุกอย่างจะย้อนไปให้ประชาชนตัดสิน และว่าการใช้กำลังทำรัฐประหารเสียอีกที่ทำให้บ้านเมืองมันแตกแยก
สำหรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้น คณะนิติราษฎร์ตอบกลับว่า…ไม่เข้าใจว่าทำไมคนในพรรคประชาธิปัตย์ถึงเดือด ร้อนกันมากในเรื่องนี้
ตามคำพูดนี้หมายความว่า…คณะนิติราษฎร์สงสัยว่า ทำไมนายอภิสิทธิ์และพลพรรคประชาธิปัตย์จึงพากันเดือดร้อนที่คณะรัฐประหารจะถูกลงโทษ
ทำไมจึงเดือดร้อนที่อำนาจเผด็จการจะถูกทำให้เป็นโมฆะ และทำไมจึงเดือดร้อนที่รัฐธรรมนูญเผด็จการ 2550 จะถูกยกเลิกไป
ในประเด็นที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรียกร้องให้คณะนิติราษฎร์ลาอออกจากการเป็นนักวิชาการนั้น
อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ แห่งคณะนิติราษฎร์ กล่าวว่า…พวกตนไม่ได้ต้องการเป็นนักการเมือง ต้องการเป็นนักวิชาการ
ถ้าจะให้ลาออกกันแล้ว เห็นว่าผู้ที่ควรลาออกคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ควรลาออกจากการเป็นนักการเมือง
ประเด็นที่ว่า…ใครควรลาออกนี้ จะพิจารณาตัดสินได้จากหลักการที่ว่า นักการเมืองและนักวิชาการนั้น ควรสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยหรือระบอบเผด็จการ
ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ยืนอยู่ตรงไหน…และนายอภิสิทธิ์มีจุดยืนอยู่ตรงไหน
ซึ่งจะสามารถสรุปว่า…คนเรายิ่งนั้นยิ่งพูดยิ่งแสดงออก มันก็ยิ่งทำให้คนเห็นธาตุแท้ว่าเป็นประการใด
เป็นขี้ตะกั่วหรือทองคำแท้